การปิดตัวของโรงงาน ไทย ย้อนรอยสถิติ 6 ปีล่าสุด (2562-2567)

เครื่องจักรโรงงาน ระบบจัดการงานซ่อมบำรุง CMMS แอปซ่อมบำรุง โปรแกรมซ่อมบำรุง ซ่อมโรงงาน ซ่อมเครื่องจักร แผน PM Computerized Maintenance Management Systemระบบจัดการงานซ่อมบำรุง CMMSฟ แอปซ่อมบำรุง โปรแกรมซ่อมบำรุง ซ่อมโรงงาน ซ่อมเครื่องจักร แผน PM Computerized Maintenance Management System Sottware ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ AI มอเตอร์เครื่องจักร ประหยัดพลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม อะไหล่เครื่องจักร อะไหล่เครื่องจักรโรงงาน แจ้งซ่อมผ่านมือถือ อุตสาหกรรมการผลิต Big Data Data ข้อมูล ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เครื่องจักรในโรงงาน การปิดตัวของโรงงาน

การปิดตัวของโรงงาน มีแนวโน้มที่ชัดเจนและสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ สถิติการปิดตัวของโรงงานไทยในช่วงปี 2562-2567 แสดงถึงการลดลงของโรงงานขนาดเล็กและธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และปัญหาซัพพลายเชน

สถิติ การปิดตัวของโรงงาน ในไทย ช่วงปี 2562-2567

ภาพ : สถิติการปิดตัวของโรงงานไทย
  • ปี 2562: โรงงานปิดตัว 1,728 แห่ง
  • ปี 2563: โรงงานปิดตัว 884 แห่ง
  • ปี 2564: โรงงานปิดตัว 709 แห่ง
  • ปี 2565: โรงงานปิดตัว 1,140 แห่ง
  • ปี 2566: โรงงานปิดตัว 1,811 แห่ง (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม)
  • ปี 2567 (7 เดือนแรก): โรงงานปิดตัวแล้ว 667 แห่ง

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ การปิดตัวของโรงงาน

ภาพ : ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อโรงงาน

จากการวิเคราะห์สถิติการปิดตัวของโรงงานในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการปิดตัวของโรงงานในไทย ได้แก่:

ภาวะเศรษฐกิจโลกและภายในประเทศ: การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ ทำให้หลายโรงงานต้องลดขนาดการผลิตหรือปิดตัวลง เนื่องจากความต้องการสินค้าลดลง รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยาวนาน

ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น: ค่าแรงและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้โรงงานขนาดเล็กและ SMEs รับมือได้ยาก

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี: ที่ทำให้โรงงานต้องปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน

การหยุดชะงักของซัพพลายเชน: ส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของการผลิต โรงงานขนาดเล็กที่พึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุดการแข่งขันในตลาดโลก: การแข่งขันสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้โรงงานที่ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้จำเป็นต้องปิดตัวลง

ผลกระทบจาก การปิดตัวของโรงงาน

ภาพ : ผลกระทบจากการปิดตัว

การปิดตัวของโรงงาน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SMEs ทำให้พนักงานจำนวนมากต้องสูญเสียงาน ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต และโรงงานที่ปิดตัวลงยังมีกระจายอยู่ในหลายจังหวัดของประเทศ การปิดโรงงานทำให้ธุรกิจในพื้นที่ที่พึ่งพาโรงงานในการสร้างรายได้ เช่น ร้านค้าชุมชนและผู้ผลิตสินค้ารายย่อย ได้รับผลกระทบและรายได้ลดลงอย่างมาก​

เมื่อโรงงานขนาดใหญ่และขนาดเล็กปิดตัวต่อเนื่อง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจในประเทศไทย ทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง การเปิดโรงงานใหม่ก็ลดลงเช่นกัน

โดยเฉพาะปี 2567 นี้ ที่มีการ ปิดตัวของโรงงาน สูงถึง 667 แห่งภายในครึ่งปีแรก คิดเป็นอัตราเฉลี่ย 111 โรงงานต่อเดือน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 ที่มีการปิดตัวของโรงงานน้อยกว่ามาก เหตุผลที่อุตสาหกรรมไทยประสบปัญหาการปิดตัวนี้ มาจากปัจจัยเศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งในประเทศและทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการจ้างงาน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก, ยาง, และผลิตภัณฑ์อาหาร

น่าสงสัยว่า.. ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมานี้ มีเทคโนโลยีใดบ้างที่ช่วยแก้ไขปัญหา การปิดตัวของโรงงานไทย

ภาพ : 6 ปีที่ผ่านมา มีเทคโนโลยีใดช่วยได้บ้าง?

ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีเทคโนโลยีหลายประเภทที่ช่วยหยุดยั้งหรือบรรเทาปัญหา การปิดตัวของโรงงาน ในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มโรงงานขนาดเล็กและกลาง (SMEs) เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุนการผลิต และส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาด ดังนี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีระบบการจัดการบำรุงรักษาด้วยคอมพิวเตอร์ (CMMS) เช่น Factorium CMMS ก็เป็นอีกหนึ่งระบบซ่อมบำรุง ที่ช่วยให้โรงงานบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการหยุดทำงานของเครื่องจักร ส่งผลให้โรงงานสามารถลดต้นทุนการซ่อมบำรุงและคงความสามารถในการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้โรงงานหลายแห่งยังหันมาใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าแรงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้ แม้จะต้องลงทุนในเทคโนโลยีเริ่มต้น แต่ก็ช่วยให้โรงงานสามารถแข่งขันในตลาดได้ดีขึ้นในระยะยาว

รวมถึงการนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลการผลิต การจัดการคลังสินค้า และการคาดการณ์แนวโน้มตลาด ช่วยให้โรงงานสามารถตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิต

โดยการเชื่อมต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านระบบ IoT ช่วยให้โรงงานสามารถติดตามสถานะของเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์ ป้องกันการหยุดทำงานและลดการเสียเวลาในการซ่อมบำรุงแบบฉับพลัน ทำให้กระบวนการผลิตมีความราบรื่นมากขึ้น

เทคโนโลยีเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในระดับโลกได้

เทคโนโลยีมาใช้ในโรงงาน มีประโยชน์อย่างไร?

ภาพ : ต้องปรับตัวให้ทันทุกการเปลี่ยนแปลง

การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในโรงงานจะช่วยให้โรงงานสามารถ:

  • ลดต้นทุนการผลิต โดยการลดค่าแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • เพิ่มคุณภาพสินค้า ด้วยความแม่นยำและความสม่ำเสมอของกระบวนการผลิต
  • ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดการข้อมูล
  • ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้แนวอัตราการพังไวของเครื่องจักรก็ยังส่งผลต่อการปิดตัวของโรงงานอีกด้วย

“เหตุที่เหมือนเล็ก.. แต่ผลกระทบไม่เล็กตาม”

เพราะเมื่อเครื่องจักรเกิดการพังเสียบ่อยครั้ง จะส่งผลให้กระบวนการผลิตล่าช้า ไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า และการซ่อมแซมเครื่องจักรที่พังเสียบ่อยจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่สูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของโรงงาน เมื่อลูกค้าประสบปัญหาจากการส่งมอบสินค้าล่าช้า จะส่งผลให้ความน่าเชื่อถือของกิจการลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียลูกค้ารายสำคัญไป เมื่อค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรสูงขึ้น ก๋จะส่งผลให้กิจการมีสภาพคล่องทางการเงินลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่การปิดตัวของโรงงานในที่สุด

และนี่คือ.. แผนรับมือก่อนเกิดปัญหาใหญ่

การดูแลรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ เช่น การตรวจเช็ค การเปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลาที่กำหนด จะช่วยลดอัตราการพังเสียของเครื่องจักร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการใช้งานและการดูแลรักษาเครื่องจักรอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งานที่ผิดพลาด และต้องหมั่นวางแผนการซ่อมบำรุงเครื่องจักรให้เป็นระบบ จะช่วยให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้สามารถจัดการค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เปิดใจ ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์จาก Factorium CMMS

ภาพ : Factorium CMMS คืออะไร?

เพราะเราพัฒนาร่วมกับวิศวะกร 300+ บริษัทเพื่อช่วยแก้ไขปัญหางานซ่อมบำรุงได้ ”ครบ” ทุกอุตสาหกรรม จัดการงานซ่อมบำรุงได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้เรายังเราเป็น User Friendly เป็นมิตรกับทุกคน ใครก็ใช้ได้ แจ้งซ่อมจากมือถือจบใน 4 ขั้นตอน ”แจ้ง อุนมัติ แจก รับ”พร้อมแดชบอร์ดสรุปข้อมูล ที่ช่วยวางแผนงาน PM ได้เจ๋งขึ้น

โดยเรายังได้รับรับการันตีมาตรฐานจาก ISO 29110 อย่างเป็นทางการ ในการรับรองคุณภาพการบริหารงานหรือผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่การันตีได้ว่าคุณจะได้รับการบริการจากผู้พัฒนาที่มีความรู้ และมอบความสะดวกนการติดตามการบำรุงรักษาเครื่องจักรได้อย่างเรียลไทม์

ภาพ : สแกน QR Code เพื่อสมัครใช้งานฟรี 3 เดือน

ท้ายนี้ คุณสามารถทดลองใช้งานได้ทันที เพียงแค่ “คลิก ” โดยสามารถใช้งานได้ผ่านทาง IOS และ Android ค่ะ โดยใช้งานได้ฟรี 3 เดือน! จากระบบ Factorium CMMS ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ของไทย ใครไม่ใช้ถือว่า Out! เพราะแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ทันที เมื่อกดสมัครแล้วอย่าลืมเลือกรู้จักการสมัครนี้จากบทความด้วยนะคะ

ทดลองใช้งานฟรี! 3 เดือน

โดยคุณสามารถทดลองใช้งานระบบแจ้งซ่อมออนไลน์ เพียงแค่กดค้นหา FACTORIUM CMMS ผ่านทาง IOS และ Android หรือกดที่ Link https://free.systemstone.com/?lang=th&event=FacebookPost&eventDetail=factorydown เพื่อใช้งานได้ทันทีเลยค่ะ

Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw
Tiktok: https://www.tiktok.com/@factorium.tech?
Line Official: https://lin.ee/rQFGAKQ