ระบบอัตโนมัติ ในโรงงาน (Factory Automation) กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แนวโน้มสำคัญ 7 ประการ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสานนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ากับกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความยืดหยุ่นให้กับอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลก
โดย 7 เมกะเทรนด์สำคัญในระบบอัตโนมัติของโรงงาน มีดังนี้
เทรนด์ที่ 1 : ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning)

AI และ Machine Learning กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของโรงงาน ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์ความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพของสายการผลิต เทคโนโลยีนี้ช่วยให้โรงงานสามารถดำเนินงานได้อย่างแม่นยำและลดการสูญเสียทรัพยากร
เทรนด์ที่ 2 : Industrial IoT (IIoT) and Edge-Computing
IIoT ช่วยเชื่อมต่อเครื่องจักร อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ผ่านเครือข่าย เพื่อให้สามารถดำเนินกระบวนการผลิตโดยอ้างอิงข้อมูล (Data-Driven Production) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ Edge Computing ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลเกิดขึ้นใกล้กับแหล่งข้อมูลโดยตรง ลดความหน่วงเวลา (Latency) และเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบของอุตสาหกรรมได้อย่างดี
ตัวอย่างการใช้งาน ระบบอัตโนมัติ
- การติดตามผลแบบเรียลไทม์
บริษัท Bosch Rexroth ใช้เซ็นเซอร์ที่รองรับ IIoT เพื่อตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของโรงงานแบบเรียลไทม์
- ระบบการผลิตที่ปรับเปลี่ยนได้อัตโนมัติ
บริษัท Festo ใช้โซลูชันระบบอัตโนมัติที่รองรับ Edge Computing เพื่อปรับสายการผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาโดยอัตโนมัติ
เทรนด์ที่ 3 : Sustainable Production (การผลิตอย่างยั่งยืน)
ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต โรงงานต่าง ๆ มุ่งเน้นไปที่การลดของเสีย การใช้พลังงานหมุนเวียน และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติช่วยให้โรงงานสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
บริษัท Schneider Electric นำเสนอโซลูชันที่ช่วยบริหารจัดการการไหลเวียนของวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำของเสียกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ได้
- การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Optimization)
แพลตฟอร์ม EcoStruxure ของ Schneider Electric ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถลดการใช้พลังงานลงได้มากถึง 25%
เทรนด์ที่ 4 : Collaborative Robotics (การพัฒนาของหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรม)
หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยหุ่นยนต์เหล่านี้จะทำงานที่ซ้ำซากจำเจหรือเป็นอันตราย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงมีมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการควบคุม
- การสนับสนุนในกระบวนการประกอบ (Assembly Support) บริษัท Universal Robots พัฒนาหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานที่สามารถจัดการงานที่ละเอียดอ่อน เช่น การขันสกรูชิ้นส่วนขนาดเล็ก
- ระบบอัตโนมัติในกระบวนการขนส่ง (Logistics Automation)
หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานจาก KUKA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าคงคลังและกระบวนการขนส่ง โดยสามารถยกของหนักได้อย่างปลอดภัย
เทรนด์ที่ 5 : Additive Manufacturing and Hybrid Production Methods (อุตสาหกรรมการผลิตแบบเติมเนื้อ และการผลิตแบบผสมผสาน)
การพิมพ์ 3 มิติกำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตโดยช่วยให้สามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนได้อย่างยืดหยุ่นและคุ้มค่าต้นทุน ระบบไฮบริดผสานเทคนิคการผลิตแบบเติมเนื้อวัสดุและวิธีดั้งเดิมเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
- ตัวอย่างที่ 1: การผลิตชิ้นส่วนอะไหล่
GE Aviation ใช้การพิมพ์ 3 มิติในการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ณ สถานที่ปฏิบัติงาน ได้ตามความต้องการ
- ตัวอย่างที่ 2: การผลิตเครื่องมือ
เครื่องจักรไฮบริดของ DMG MORI ผสานกระบวนการพิมพ์ 3 มิติและการกัดโลหะเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเครื่องมือที่มีความแม่นยำสูง
เทรนด์ที่ 6 : Cybersecurity in Automation (ความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระบบอัตโนมัติ)
ด้วยการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้นของระบบการผลิต ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น บริษัทต่างๆ กำลังลงทุนในมาตรการป้องกันการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของตน
- ตัวอย่างที่ 1: แพลตฟอร์มความปลอดภัย
แนวทาง Defense-in-Depth ของ Siemens ผสานการปกป้องเครือข่าย ความสมบูรณ์ของระบบ และกลไกการเฝ้าระวังเข้าด้วยกัน
- ตัวอย่างที่ 2: เทคโนโลยีการเข้ารหัส
Rockwell Automation ให้บริการโปรโตคอลการสื่อสารที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลระหว่างเครื่องจักรและระบบคลาวด์
เทรนด์ที่ 7 : Human-Centered Automation (ระบบอัตโนมัติ ที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง)
อินเทอร์เฟซระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรกำลังพัฒนาให้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ด้วยความก้าวหน้าของ Augmented Reality (AR) และ User Experience (UX) ทำให้การโต้ตอบกับระบบที่ซับซ้อนเป็นเรื่องง่ายขึ้น
- ตัวอย่างที่ 1: การฝึกอบรมด้วย AR
Vuforia ของ PTC ช่วยให้พนักงานสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ AR แบบเสมือนจริงโดยตรงบนเครื่องจักร
- ตัวอย่างที่ 2: แผงควบคุมที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์
Beckhoff Automation พัฒนาระบบควบคุมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติใน การผลิตจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว บริษัทที่ปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มเหล่านี้ได้ก่อน ก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ AI, ควาSustainable, IIoT, Cobots และเทคโนโลยีอื่น ๆ จะไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรไปอย่างสิ้นเชิง
Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw