ประวัติงานซ่อมบำรุง ที่ถูกบันทึกอย่างครบถ้วนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้โรงงานและเครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่หากข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือขาดหายไป อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและปัญหาต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อการดำเนินงานของโรงงาน ในบทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการละเลยการอัปเดตประวัติการซ่อมบำรุง
เพราะ การอัปเดตประวัติการซ่อมบำรุงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ในโรงงานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการงานซ่อม ลดความเสี่ยงของปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้การบำรุงรักษาเป็นไปตามแผนที่กำหนด
ประวัติงานซ่อมบำรุง สำคัญต่อฝ่ายใดในโรงงานบ้าง?

การจัดเก็บ ประวัติการซ่อมบำรุง (Maintenance History) เป็นหัวใจสำคัญของการบริหารโรงงาน เพราะมีผลกระทบต่อหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน การบำรุงรักษา และการบริหารจัดการเครื่องจักรอย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า ฝ่ายใดในโรงงานได้รับประโยชน์จากข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุงบ้าง
ประวัติงานซ่อมบำรุง เป็นข้อมูลสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องใช้
💡 ฝ่ายซ่อมบำรุง → วางแผนซ่อม ป้องกันปัญหาเครื่องจักรเสีย
💡 ฝ่ายผลิต → ป้องกัน Downtime ควบคุมคุณภาพการผลิต
💡 ฝ่ายจัดซื้อ → บริหารอะไหล่ ลดต้นทุนการจัดซื้อ
💡 ฝ่ายวางแผนการผลิต → ปรับตารางผลิตให้เหมาะสม
💡 ฝ่ายบริหาร → วิเคราะห์ต้นทุนและตัดสินใจลงทุน
💡 ฝ่ายความปลอดภัย → ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุและควบคุมมาตรฐาน
เพื่อให้การบันทึกประวัติการซ่อมบำรุงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โรงงานควรใช้ ระบบ CMMS (Computerized Maintenance Management System) เช่น Factorium CMMS เพื่อช่วยให้ทุกฝ่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย วางแผนงานได้แม่นยำ และลดปัญหาการซ่อมบำรุงที่ล่าช้า
ฝ่ายซ่อมบำรุง (Maintenance Department)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ ใช้ข้อมูลในการวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (PM)
✅ ตรวจสอบแนวโน้มปัญหาที่เกิดซ้ำ และปรับปรุงแผนซ่อม
✅ ช่วยให้ช่างซ่อมบำรุงเข้าใจประวัติของเครื่องจักร ลดความผิดพลาดในการซ่อม
✅ ป้องกันการใช้ชิ้นส่วนซ้ำซ้อน หรือเปลี่ยนอะไหล่ผิดรุ่น
ฝ่ายซ่อมบำรุงเป็นผู้ใช้ข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุงโดยตรง เพื่อให้สามารถ ซ่อมแซมและดูแลเครื่องจักรได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
ฝ่ายผลิต (Production Department)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ วางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับตารางซ่อมบำรุง
✅ ลดโอกาสเกิดเครื่องจักรหยุดทำงานกะทันหัน (Unplanned Downtime)
✅ เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานเครื่องจักร ลดของเสีย (Waste)
✅ ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีความเสถียรและต่อเนื่อง
ฝ่ายผลิตต้องอาศัยข้อมูลจากประวัติการซ่อมบำรุงเพื่อ จัดการการใช้เครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ หลีกเลี่ยงปัญหาการหยุดไลน์ผลิตโดยไม่คาดคิด
ฝ่ายจัดซื้อ (Procurement Department)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ วางแผนจัดซื้ออะไหล่และอุปกรณ์ซ่อมบำรุงให้เพียงพอ
✅ ลดการสั่งซื้ออะไหล่ที่ไม่จำเป็น และลดปัญหาสต็อกเกินหรือขาด
✅ เจรจากับซัพพลายเออร์ได้แม่นยำขึ้นจากข้อมูลการใช้อะไหล่ในอดีต
✅ เปรียบเทียบต้นทุนการซ่อมบำรุงเพื่อลดค่าใช้จ่าย
หากไม่มีข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุงที่ชัดเจน ฝ่ายจัดซื้ออาจ จัดหาอะไหล่ผิดรุ่น หรือสั่งซื้อมากเกินไปจนเกิดต้นทุนจม (Excess Inventory)
ฝ่ายวางแผนและควบคุมการผลิต (Production Planning & Control – PPC)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ ประเมินกำลังการผลิตโดยอ้างอิงจากสภาพเครื่องจักร
✅ ปรับตารางการผลิตให้เหมาะสมกับรอบการซ่อมบำรุง
✅ คาดการณ์เวลาหยุดเครื่องจักรล่วงหน้าเพื่อป้องกันการขาดวัตถุดิบ
✅ ลดความเสี่ยงจากการส่งมอบล่าช้า (Delivery Delay)
ฝ่ายวางแผนการผลิตต้องใช้ข้อมูลจากฝ่ายซ่อมบำรุงเพื่อ หลีกเลี่ยงปัญหาคอขวด (Bottleneck) ในสายการผลิต
ฝ่ายบริหารโรงงาน (Factory Management)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ ใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ต้นทุนซ่อมบำรุงเพื่อเพิ่มกำไร
✅ ปรับปรุงนโยบายการบำรุงรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร
✅ ช่วยตัดสินใจลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่หรือซ่อมแซมเครื่องเดิม
✅ วางกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยและมาตรฐานอุตสาหกรรม
ฝ่ายบริหารใช้ประวัติการซ่อมบำรุงเพื่อ ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ว่าควรลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรหรือหาทางเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุง
ฝ่ายความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม (Safety & Environment Department)
ทำไมถึงสำคัญ?
✅ ตรวจสอบและป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากเครื่องจักร
✅ ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องจักรที่ชำรุดหรือขาดการบำรุงรักษา
✅ ควบคุมการปล่อยของเสียจากเครื่องจักรที่มีปัญหา
✅ ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ISO 45001, GMP
ฝ่ายความปลอดภัยต้องตรวจสอบประวัติการซ่อมบำรุงเพื่อ ลดอุบัติเหตุและป้องกันความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
ประวัติงานซ่อมบำรุงที่ถูกจัดเก็บโดยระบบซ่อมบำรุง CMMS ดีกว่าอย่างไร?
การจัดเก็บ ประวัติงานซ่อมบำรุง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงงานทุกแห่ง เพื่อให้การดูแลเครื่องจักรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้การบริหารจัดการซ่อมบำรุงเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หากยังใช้การบันทึกข้อมูลแบบเดิม เช่น เอกสาร กระดาษ หรือไฟล์ Excel อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและความล่าช้าได้ ดังนี้
ช่วยลดอัตราการซ่อมบำรุงที่ขาดประสิทธิภาพ
หากไม่มีข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุง การวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance – PM) หรือการบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-based Maintenance – CBM) อาจทำได้ยาก ทีมซ่อมบำรุงอาจไม่สามารถประเมินสภาพของเครื่องจักรได้อย่างถูกต้อง ส่งผลให้มีการซ่อมแซมล่าช้า หรืออาจซ่อมผิดจุด ทำให้เครื่องจักรเสียหายหนักขึ้น
ลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักในการผลิต
เมื่อไม่มีบันทึกประวัติการซ่อมบำรุง โรงงานอาจไม่สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เครื่องจักรอาจเสียอย่างกะทันหัน ทำให้ต้องหยุดสายการผลิตโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ซึ่งส่งผลต่อการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า และอาจทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจ
เซฟค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่อาจสูงขึ้น
หากไม่มีการบันทึกข้อมูลการซ่อมบำรุง ทีมงานอาจต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรนานขึ้น หรืออาจต้องรื้อชิ้นส่วนโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังอาจมีการเปลี่ยนอะไหล่ผิดประเภทหรือซ้ำซ้อน ทำให้ต้นทุนการบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น
เพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักร
เครื่องจักรที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม ย่อมมีอายุการใช้งานที่สั้นลงกว่าปกติ การขาดข้อมูลที่แม่นยำเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงที่ผ่านมาอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการเปลี่ยนอะไหล่สำคัญ ส่งผลให้เครื่องจักรทำงานหนักเกินไป และอาจเสียหายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ข้อมูลประวัติการซ่อมบำรุงที่ครบถ้วนช่วยให้ผู้บริหารสามารถ วิเคราะห์แนวโน้มของปัญหา และนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการผลิตได้ หากไม่มีข้อมูลดังกล่าว โรงงานอาจพลาดโอกาสในการ ลด Downtime เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักร และปรับปรุงระบบการผลิตโดยรวม
ความปลอดภัยของพนักงานที่เพิ่มขึ้น
เครื่องจักรที่ไม่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น เช่น ระบบเบรกที่เสื่อมสภาพ สายพานที่ชำรุด หรือระบบไฟฟ้าที่ไม่ปลอดภัย สิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงต่อพนักงาน ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งทางร่างกายและค่าใช้จ่ายทางกฎหมายขององค์กร
อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อมาตรฐานและการรับรองคุณภาพ (ISO, GMP, HACCP ฯลฯ)
หลายอุตสาหกรรมต้องมีมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด เช่น ISO 9001, ISO 29110, GMP, HACCP ซึ่งกำหนดให้มีการบันทึกและติดตามประวัติการซ่อมบำรุง หากขาดข้อมูลที่ครบถ้วน อาจทำให้โรงงาน ไม่ผ่านการตรวจสอบหรือถูกปรับมาตรฐาน ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจ
ประวัติงานซ่อมบำรุง สอดคล้องกับมาตรฐาน ISO อย่างไร?
การจัดเก็บและอัปเดตประวัติการซ่อมบำรุงมีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรต้องการปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ มาตรฐาน ISO ที่เกี่ยวข้องกับการบันทึกและบริหารจัดการประวัติการซ่อมบำรุง ได้แก่
ISO 9001 (Quality Management System – QMS)
เป็นมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพที่กำหนดให้ทุกองค์กรต้องมีการจัดการทรัพยากรอย่างเป็นระบบ รวมถึงการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพและสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ได้มาตรฐาน
การจัดการประวัติการซ่อมบำรุงตาม ISO 9001:
✅ ต้องมีการบันทึกข้อมูลการซ่อมบำรุงอย่างเป็นระบบ
✅ ต้องสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มปัญหา
✅ ช่วยให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดจากเครื่องจักรขัดข้อง
ISO 55001 (Asset Management System – AMS)
เกี่ยวข้องอย่างไร?
ISO 55001 เป็นมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสินทรัพย์ (Asset Management) โดยครอบคลุมถึงการบริหารจัดการเครื่องจักร อุปกรณ์ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงจากความล้มเหลวของสินทรัพย์
การจัดการประวัติการซ่อมบำรุงตาม ISO 55001:
✅ ต้องมีข้อมูลการซ่อมบำรุงเพื่อใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับอายุการใช้งานของเครื่องจักร
✅ ช่วยให้สามารถวางแผนซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
✅ ช่วยลดต้นทุนการซ่อมแซมฉุกเฉิน และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์
ISO 29110 (Software Engineering – VSEs)
เกี่ยวข้องอย่างไร?
สำหรับองค์กรที่พัฒนาและใช้ระบบซอฟต์แวร์บริหารงานซ่อมบำรุง เช่น CMMS (Computerized Maintenance Management System) ISO 29110 เป็นมาตรฐานที่ช่วยให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์มีความน่าเชื่อถือและรองรับกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐาน
การจัดการประวัติการซ่อมบำรุงตาม ISO 29110:
✅ ใช้ซอฟต์แวร์ CMMS ในการจัดเก็บข้อมูลการซ่อมบำรุงแบบดิจิทัล
✅ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและวางแผนการบำรุงรักษาได้แม่นยำ
✅ สนับสนุนการทำงานของระบบบริหารจัดการสินทรัพย์และการซ่อมบำรุง
การบันทึกและอัปเดตประวัติการซ่อมบำรุงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO หลายฉบับ เช่น ISO 9001, ISO 55001, ISO 14001, ISO 45001 และ ISO 29110 ซึ่งส่งผลให้การบริหารจัดการเครื่องจักรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
วิธีแก้ไขปัญหา: การใช้ระบบบริหารจัดการซ่อมบำรุง (CMMS)
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการปัญหานี้คือการใช้ ระบบบริหารจัดการซ่อมบำรุง (Computerized Maintenance Management System – CMMS) เช่น Factorium CMMS ซึ่งช่วยให้โรงงานสามารถ:
- บันทึกและติดตามประวัติการซ่อมบำรุงได้อย่างละเอียด
- แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาบำรุงรักษาเครื่องจักร
- วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมบำรุง
- ลดความผิดพลาดที่เกิดจากการลืมบันทึกข้อมูลหรือข้อมูลสูญหาย
การเลือกใช้ระบบ CMMS ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 29110 และ ISO 27001 มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ มาตรฐานเหล่านี้ยืนยันว่าระบบมีการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยมาตรการความปลอดภัยที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ข้อมูลสำคัญขององค์กรจะได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม
ระบบ CMMS ที่ได้รับมาตรฐาน ISO ไม่เพียงแต่ช่วย เพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือในการซ่อมบำรุง แต่ยังเป็น ข้อได้เปรียบที่สำคัญทางธุรกิจ ทำให้ผู้บริหารสามารถ มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายหลักขององค์กรได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ
ท้ายนี้ คุณสามารถทดลองใช้งานได้ทันที เพียงแค่ “คลิก ” โดยสามารถใช้งานได้ผ่านทาง IOS และ Android ค่ะ ต้อนรับ 2 เดือนสุดท้ายของปี ใช้งานฟรี 3 เดือน! จากระบบ Factorium CMMS ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ของไทย ใครไม่ใช้ถือว่า Out! เพราะแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ทันที เมื่อกดสมัครแล้วอย่าลืมเลือกรู้จักการสมัครนี้จากบทความด้วยนะคะ
สรุป
การไม่อัปเดตประวัติการซ่อมบำรุงเป็นปัญหาที่อาจก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อโรงงานและเครื่องจักร ทั้งในด้านประสิทธิภาพการทำงาน ต้นทุน และความปลอดภัย การใช้ระบบ CMMS เช่น Factorium CMMS สามารถช่วยให้โรงงานบริหารจัดการข้อมูลการซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักรให้ยาวนานขึ้น
Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw