อะไหล่เครื่องจักร เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้เครื่องจักรในโรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนฟันเฟืองในระบบการผลิต หากขาดอะไหล่ที่เหมาะสมหรือไม่ได้รับการบำรุงรักษา อาจเกิดปัญหาต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตและรายได้ของโรงงาน เช่น การหยุดชะงักของสายการผลิต ความเสียหายของผลิตภัณฑ์ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ความสำคัญของ อะไหล่เครื่องจักร ในโรงงานอุตสาหกรรม
ช่วยลดการหยุดชะงักของการผลิต เมื่อเครื่องจักรมีอะไหล่สำรองพร้อมใช้งาน จะช่วยลดเวลาหยุดทำงาน (Downtime) ที่เกิดจากอะไหล่เสียหาย ทำให้สามารถซ่อมแซมได้รวดเร็วและกระบวนการผลิตดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
ส่งเสริมประสิทธิภาพการผลิต อะไหล่ที่ได้มาตรฐานและใช้งานได้ดีจะช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเสียหายซ้ำ และช่วยประหยัดต้นทุนในการซ่อมบำรุง
นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน เครื่องจักรที่ใช้อะไหล่ที่เหมาะสมและอยู่ในสภาพดี จะลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในสถานที่ทำงาน เช่น การทำงานผิดพลาดของเครื่องจักร หรือการเสียหายที่ก่อให้เกิดความรุนแรง
อะไหล่เครื่องจักรควรตรวจสอบบ่อยแค่ไหน
การตรวจสอบอะไหล่เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นการดำเนินงานที่สำคัญเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดปกติของอะไหล่ การวางแผนและการตรวจสอบอะไหล่ควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานยาวนาน โดยแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาอะไหล่เครื่องจักรสามารถทำได้ตามลำดับ ดังนี้
1. การตรวจสอบตามระยะเวลา
รายวัน: ช่างซ่อมบำรุงควรทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทุกวันสำหรับเครื่องจักรที่ใช้งานหนัก เช่น การตรวจสอบน้ำมันหล่อลื่น, สายพาน, ตัวกรอง และส่วนที่สัมผัสกับความร้อนหรือแรงดันสูงรายสัปดาห์: ตรวจสอบระบบไฟฟ้า, ระบบไฮดรอลิก, สภาพของลูกปืน, และอุปกรณ์ที่สามารถสึกหรอได้
รายเดือน: ตรวจสอบสภาพท่อ, ระบบน้ำมัน, อุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งาน เช่น กรองอากาศ, กรองน้ำมันรายปี: ตรวจสอบเครื่องจักรอย่างละเอียดในระดับระบบการทำงานทั้งหมด เช่น การตรวจสอบการทำงานของเกียร์, ระบบเบรก, โครงสร้างต่าง ๆ
รายปี: ตรวจสอบเครื่องจักรอย่างละเอียดในระดับระบบการทำงานทั้งหมด เช่น การตรวจสอบการทำงานของเกียร์, ระบบเบรก, โครงสร้างต่าง ๆ
2. การวางแผนของช่างซ่อมบำรุง
การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance): ช่างควรวางแผนการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามตารางที่กำหนดในคู่มือของผู้ผลิต หรือการกำหนดระยะเวลาตรวจสอบภายในโรงงาน โดยให้ความสำคัญกับการป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการผลิต
การบำรุงรักษาตามสภาพ (Condition-Based Maintenance): ใช้เทคโนโลยีในการตรวจสอบสภาพเครื่องจักร เช่น การวัดอุณหภูมิ, ความสั่นสะเทือน, และเสียงของเครื่องจักร เพื่อตรวจจับสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
การจัดการอะไหล่สำรอง: ช่างควรวางแผนการจัดหาสินค้าทดแทนที่สำคัญ เช่น ลูกปืน, สายพาน, หรือกรองที่ต้องเปลี่ยนบ่อย และต้องมีระบบการติดตามอายุการใช้งานของอะไหล่เหล่านี้
3. การตรวจสอบเชิงลึกและการทดสอบ
การตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ: ช่างสามารถใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีสูง เช่น การตรวจวัดการสั่นสะเทือน (vibration analysis), การตรวจสอบด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ (ultrasonic testing), หรือการตรวจสอบการรั่วของน้ำมันเพื่อหาความผิดปกติในส่วนที่ยากต่อการมองเห็น
การตรวจสอบอะไหล่เครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอและการวางแผนการบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดอัตราการหยุดทำงานของเครื่องจักร, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่ไม่คาดคิด
หากไม่เปลี่ยน.. อะไหล่เครื่องจักร ที่เสื่อมสภาพทันทีจะมีผลกระทบอย่างไร?
จะมีผลกระทบหลายประการที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องจักรหรือระบบที่ใช้งานอยู่ โดยผลกระทบที่สำคัญได้ เช่น ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ส่งผลให้เครื่องจักรทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้การผลิตช้าลง หรือมีข้อผิดพลาดในการทำงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของสินค้าและบริการที่ผลิตได้
และยังรวมไปถึงความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของการผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพราะอะไหล่ที่เสื่อมสภาพไม่ได้รับการเปลี่ยนทันที เครื่องจักรอาจเกิดการเสียหายรุนแรงถึงขั้นหยุดการทำงานโดยไม่คาดคิด ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิตและเสียเวลาในการซ่อมแซม
อย่างไรก็ตามการปล่อยให้อะไหล่เสื่อมสภาพจนถึงจุดที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป อาจทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนอะไหล่ใหม่สูงขึ้น เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจลุกลามไปถึงส่วนอื่นๆ ของเครื่องจักร
การเปลี่ยนอะไหล่ที่เสื่อมสภาพตามระยะเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ และช่วยให้เครื่องจักรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
ชิ้นส่วนของเครื่องจักรโรงงานอุตสาหกรรมที่มักพังบ่อย
การที่เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมเกิดการพังหรือชำรุดในบางชิ้นส่วน อาจนำไปสู่การหยุดชะงักของสายการผลิต ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและกระทบต่อกำไรของโรงงาน
ชิ้นส่วนของเครื่องจักรโรงงานอุตสาหกรรมที่มักพังบ่อย และส่งผลกระทบต่อโรงงาน
การที่เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมเกิดการพังหรือชำรุดในบางชิ้นส่วน อาจนำไปสู่การหยุดชะงักของสายการผลิต ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นและกระทบต่อกำไรของโรงงานโดยตรง ต่อไปนี้คือชิ้นส่วนที่พบบ่อยว่ามักพังจนทำให้โรงงานประสบปัญหา
1. มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor)
มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเครื่องจักรต่าง ๆ เมื่อเกิดการเสียหาย เช่น ขดลวดไหม้ ลูกปืนเสีย หรือระบบระบายความร้อนขัดข้อง จะทำให้เครื่องจักรหยุดทำงานทันที
สาเหตุที่พังบ่อย:
- สาเหตุที่พังบ่อย:
- การใช้งานเกินกำลัง
- การบำรุงรักษาไม่เหมาะสม
- ปัญหาจากไฟฟ้าลัดวงจร
2. ลูกปืน (Bearing)
ลูกปืนมีหน้าที่ลดแรงเสียดทานและช่วยให้ชิ้นส่วนหมุนเคลื่อนได้ราบรื่น แต่เมื่อเกิดการสึกหรอหรือแตกหัก จะทำให้เครื่องจักรส่งเสียงดัง สั่นสะเทือน และเกิดความเสียหายกับส่วนอื่น ๆ
สาเหตุที่พังบ่อย:
- สาเหตุที่พังบ่อย:
- การเสื่อมสภาพจากการใช้งานนานเกินไป
- การหล่อลื่นไม่เพียงพอ
3. สายพาน (Belt)
สายพานที่ทำหน้าที่ส่งกำลังจากมอเตอร์ไปยังชิ้นส่วนต่าง ๆ มักเป็นจุดที่เกิดการขาดหรือหลุดระหว่างการใช้งาน
- สาเหตุที่พังบ่อย:
- ความตึงที่ไม่เหมาะสม
- การสึกกร่อนจากการใช้งานระยะยาว
4. ปั๊ม (Pump)
ปั๊มในระบบไฮดรอลิกหรือปั๊มลมที่ใช้ส่งแรงดันในเครื่องจักร มักเสียหายจากการอุดตันหรือรั่วไหล
- สาเหตุที่พังบ่อย:
- การสะสมของสิ่งสกปรก
- การสึกหรอของซีลหรือวาล์ว
วิธีการใดที่จะช่วยบำรุงรักษา อะไหล่เครื่องจักร ได้
เพราะการบำรุงรักษาอะไหล่เครื่องจักรเป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันการเสียหายและเพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องจักรในโรงงาน การดำเนินการตามวิธีการบำรุงรักษาที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักในการผลิตและลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม
ควรมีการบำรุงรักษาเชิงป้องกันอยู่เสมอ โดยการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักรและอะไหล่ตามกำหนดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียหายหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ที่สำคัญช่างซ่อมบำรุงควรหมั่นตรวจสอบสภาพและทำความสะอาดอะไหล่เครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรกและฝุ่นที่อาจทำให้เครื่องจักรทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพได้
ควรมีการหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว เช่น ลูกปืน หรือมอเตอร์ จะช่วยลดการเสียดทานและความร้อนที่เกิดขึ้นจากการทำงานหนักและบันทึกข้อมูลการบำรุงรักษาช่วยให้สามารถติดตามสถานะของเครื่องจักรและอะไหล่แต่ละชิ้นได้อย่างมีระเบียบ
นอกจากนี้การวางแผนงานซ่อมบำรุงที่ดีต้องมีปฏิทินที่ใช้ในการวางระยะการซ่อมบำรุง อะไหล่เครื่องจักร ได้อย่างเหมาะสม
การใช้ปฏิทินงานซ่อมบำรุงแบบออนไลน์หรือซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติในการอัปเดตรวดเร็วและสามารถแจ้งเตือนการซ่อมได้ทันทีผ่านมือถือจะเป็นทางเลือกที่ดี เช่น ระบบจัดการงานซ่อมบำรุง (CMMS) ที่มีความสามารถในการบันทึกและติดตามงานซ่อม
แจ้งเตือนทันทีเมื่อมีงานซ่อมเข้ามา และสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชันบนมือถือได้อย่างสะดวกสบาย การใช้ปฏิทินงานซ่อมแบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาและดำเนินงานในอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
มีข้อดี ดังนี้
- ปฏิทินงานซ่อมบำรุงออนไลน์สามารถอัปเดตได้ทันที เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงในงานซ่อม ทุกคนในทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลล่าสุดได้ทันที
- สามารถเข้าถึงปฏิทินงานซ่อมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทางอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นผ่านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต
- ระบบสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อมีงานซ่อมใกล้เข้ามา หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในการตารางงานซ่อม เพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับทราบและปรับตารางการทำงานได้อย่างทันท่วงที
- ระบบปฏิทินงานซ่อมออนไลน์มักมีความสามารถในการสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ Factorium CMMS สามารถช่วยคุณวางแผนงานซ่อมบำรุงได้ทันที เพราะมี ปฏิทินออนไลน์ ที่ช่วยจัดการการบำรุงรักษาและ notification แจ้งเตือนเมื่อถึงรอบการบำรุงรักษาอย่างแม่นยำ ทำให้คุณไม่พลาดการบำรุงรักษาที่สำคัญ และสามารถลดความเสี่ยงจากการซ่อมแซมที่ล่าช้าหรือการเกิดความเสียหายโดยไม่คาดคิด ด้วยระบบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการติดตามสถานะของเครื่องจักรและอะไหล่
เครื่องจักรที่หยุดการผลิต จะสร้างความเสียหายให้กับองค์กร อย่างมหาศาล
ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว FACTORIUM CMMS เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถวางแผนงาน PM (Preventive Maintenance) ได้อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยจะช่วยให้องค์กรของคุณมีการบำรุงรักษา (PM) เครื่องจักรได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากระบบนี้มีคุณสมบัติที่ช่วยในการวางแผนและติดตามการ PM โดยระบบจะทำการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ต้อง PM เครื่องจักร
ซึ่งทำให้องค์กรสามารถดำเนินการ PM ได้อย่างสม่ำเสมอและตรงตามกำหนดได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของเครื่องจักร ลดความเสียหายและความเสี่ยงในกระบวนการผลิตได้ทันที
Factorium CMMS คือ ตัวจริงเรื่องงานซ่อมบำรุง
เราเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพในการซ่อมบำรุงและการบำรุงรักษาอุปกรณ์และเครื่องจักร โดยเฉพาะองค์กรที่มีอุปกรณ์หรือเครื่องจักรมากมาย ที่ต้องกาารเพิ่มความถูกต้องในการวิเคราะห์อาการเสียของเครื่องจักร และแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหา ทำให้แก้ไขปัญหาได้ทันทีก่อนที่จะเกิดความเสียหาย
ทดลองใช้งานได้ทันที เพียงแค่ “คลิก ” โดยสามารถใช้งานได้ผ่านทาง IOS และ Android ค่ะ โดยใช้งานได้ฟรี 3 เดือน! จากระบบ Factorium CMMS ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ของไทย ใครไม่ใช้ถือว่า Out! เพราะแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ทันที เมื่อกดสมัครแล้วอย่าลืมเลือกรู้จักการสมัครนี้จากบทความด้วยนะคะ
Website: https://www.factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/386654832130754/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw