AI ในอุตสาหกรรม ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของอุตสาหกรรมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่าง AI (Artificial Intelligence) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
การประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรม

AI ในอุตสาหกรรม เป็นเทคโนโลยีที่สามารถจำลองและจัดการกับข้อมูลได้อย่างประณีต ซึ่งทำให้มีการใช้งานและการประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการเรียนรู้และปรับปรุงตนเองได้อย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมได้แก่
1. การผลิตและการจัดการโรงงาน
AI สามารถช่วยในกระบวนการผลิตและการจัดการโรงงานได้หลากหลายด้าน เช่น การใช้ระบบรถยนต์อัตโนมัติในการขนส่งวัตถุดิบ การใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มความเร็วและความแม่นยำในการทำงาน รวมถึงการใช้ AI ในการจัดการคลังสินค้าและสต็อกสินค้า เพื่อความสะดวกและประสิทธิภาพในการจัดการ
2. การสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์
AI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยในกระบวนการสร้างและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยการใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์และสร้างแบบจำลองทดลอง (prototype) ที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถลดเวลาและค่าใช้จ่ายในกระบวนการวิจัยและพัฒนาได้
3. การบริการลูกค้า
AI สามารถช่วยในการปรับปรุงคุณภาพการบริการลูกค้าได้ โดยใช้ Chatbot หรือระบบที่สามารถตอบคำถามและให้คำแนะนำต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถลดเวลาในการตอบสนองและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ
AI ในอุตสาหกรรมสามารถช่วยลดต้นทุนได้ จริงหรือ?
สามารถช่วยลดต้นทุนได้โดยการประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ พัฒนากระบวนการการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ปรับปรุงความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และปรับปรุงคุณภาพและความถูกต้องของผลิตภัณฑ์
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ไทยรับเบอร์ริต้า (Thai RUBBERtire Co., Ltd) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ชื่อดังในประเทศไทย เป็นบริษัทที่มีการใช้หุ่นยนต์ในกระบวนการผลิตของตน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของการผลิต หุ่นยนต์ที่ใช้งานในบริษัทนี้ได้รับการโปรแกรมให้ทำงานอย่างแม่นยำและเร็วขึ้น ทำให้สามารถผลิตยางรถยนต์ให้มีคุณภาพสูง และลดการขาดตกบกพร่องในกระบวนการผลิต
เพราะการประยุกต์ใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมไม่เพียงแค่ช่วยลดความเสี่ยงในการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วย หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องมีการพักผ่อน และสามารถทำงานในสภาวะที่อันตรายได้ เช่น ในสภาวะที่มีความร้อนสูง หรือสภาวะที่มีสารเคมีอันตราย
ไม่เพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น ที่เริ่มนำ AI เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
ยังมีบริษัทหลายแห่งในโลก ที่ใช้เทคโนโลยี AI ร่วมกับอุตสาหกรรมการผลิต เช่น
- Toyota: ใช้ AI เพื่อพัฒนาระบบรถยนต์อัจฉริยะและกระบวนการผลิตในโรงงาน
- Siemens: ใช้ AI เพื่อควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมอุตสาหกรรม 4.0
- IBM: ให้บริการโซลูชัน AI ในหลายอุตสาหกรรม เช่น การขนส่งและโลจิสติกส์
- Amazon: ใช้ AI ในการจัดการคลังสินค้าและกระบวนการส่งสินค้า
- Google: ใช้ AI เพื่อปรับปรุงการผลิตและการบริการในหลายภาคส่วน เช่น การผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
- General Electric (GE): ใช้ AI เพื่อควบคุมและปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงาน
- Nvidia: ให้บริการเทคโนโลยี AI ในการควบคุมและจัดการกระบวนการผลิตในหลายภาคส่วน
นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ อีกมากที่ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงและพัฒนากระบวนการผลิตและบริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเองที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ด้วย
ซึ่งในปี 2024 นี้เอง ได้มี 5 เทรนด์การใช้ AI ในอุตสาหกรรม ติดอันดับดังนี้..
- Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning (ML) เป็น Generative AI ที่เข้ามาช่วยพัฒนาระบบของหุ่นยนต์ โดยช่วยลด Downtime ของการผลิตสินค้าที่อาจหยุดชะงักได้
- Collaborative Robots (Cobots) เป็นเทคโนโลยี ที่ช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้โดยปลอดภัย อาจมีการใช้เซ็นเซอร์ หรือระบบตรวจจับเพื่อป้องกันการชนกับมนุษย์
- Mobile Manipulators (MoMas) เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีของแขนกลและหุ่นยนต์เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถทำงาน ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ร่วมกับมนุษย์ได้ดี
- Digital Twins เทคโนโลยีนี้ช่วยให้โรงงานสามารถทดสอบ และช่วยคาดการณ์ผลลัพธ์ของการทำงานได้แม่นยำขึ้น
- Humanoid Robots เป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ สามารถทำงานในสภาพแวดล้อมเดียวกับมนุษย์ได้ ทั้งในส่วนของโรงงานและสายการผลิตต่างๆ
ทั้งนี้การใช้งานระบบการทำงานอัตโนมัติด้วย AI ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน เพราะ AI สามารถทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่ต้องพักผ่อน มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูง
ดังนั้น การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในด้านอุตสาหกรรมมีผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระยะยาว รวมถึงช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนของธุรกิจในยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างแท้จริง
สุดท้ายนี้จะเห็นได้ว่า เทคโนโลยีอัจฉริยะ เป็นแนวคิดใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน การจัดการแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอต่อความซับซ้อนและความต้องการของอุตสาหกรรมในยุคปัจจุบัน ด้วย Smart Facility Management เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ลดการสูญเสียทรัพยากร และเพิ่มความปลอดภัยให้กับสถานที่ทำงาน
โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคที่อยู่อาศัย หรือธุรกิจอื่นๆ การใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเพื่อควบคุมและจัดการสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานจะช่วยลดต้นทุนในการดูแลรักษาและบำรุงรักษาอาคาร ลดการสูญเสียทรัพยากร และเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงานและผู้ใช้งาน
เรามีทีมออกแบบรวมถึงติดตามประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า โดยร่วมพัฒนาการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดทุกครั้งที่มีการใช้งาน (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://factorium.tech/article-june-facility/) เพราะ เป้าหมายของเรา คือ การได้เป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าของเราสามารถวางแผนและทำงานด้าน Preventive Maintenance ได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น 100% เครื่องจักรทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ลด Downtime ของเครื่องจักร ช่วยให้ทีมซ่อมบำรุงทำงานได้ง่าย Happy มากขึ้น กดเพื่อทดลองใช้งานฟรี! 3 เดือนได้เลยค่ะ
Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw