เราสามารถเช็คสภาพรถยนต์ หยุดทุกจุดอันตรายก่อนเดินทางไกลด้วยระบบ eMaintenance ได้ เพราะการเดินทางส่วนใหญ่มักจะใช้รถยนต์เป็นหลัก หากอยากให้การเดินทางไกลปลอดภัย ราบรื่น ไม่มีปัญหารถเสียกลางทาง ควรเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
ยิ่งรถยนต์ของเรามีการใช้งานอยู่ทุกวัน เครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ย่อมเสื่อมสภาพตามการเวลา ซึ่งบางอย่างอาจทำให้รถเสีย และอาจเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้รถ ใช้ถนนได้
ดูให้ดี! ใช้งานมาทั้งปี สภาพรถยนต์เรามีอาการเสียเหล่านี้ไหม ?
สตาร์ทติดยาก – อาการเสียแบบทั่วไปของรถที่ทุกคนมักเจอ หากรถมีอายุประมาณ 2-3 ปี อาจเกิดจากการที่แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพ หรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา หากลองทำการสตาร์ทดูหลายครั้งแล้วรถยังไม่ติด ควรพารถเข้าศูนย์เพื่อตรวจหาอาการที่แท้จริง
การเลือกใช้ศูนย์บริการที่มีการแจ้งเตือนอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากศูนย์บริการไหนมี ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ หรือ eMaintenance ที่ดี จะยิ่งช่วยเพิ่มความตื่นตัวและเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการในการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คสภาพรถยนต์ที่ดีอยู่เสมอ
ช่วงล่างแข็งกระด้าง – หากมีเสียงคร่ำครวญจากช่วงล่าง ควรเริ่มจากการตรวจสอบว่ามีน้ำมันหยดลงมาที่พื้นหรือไม่ นั่นอาจเป็นสัญญาณโช๊ครั่ว รวมทั้งตรวจเช็คสภาพยางด้วยว่ามีความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลงหรือไม่
มีเสียงดังแปลกกว่าปกติ – ขั้นตอนนี้ต้องลองฟังดูว่าได้ยินเสียงมาจากส่วนไหนของรถยนต์ ทั้งเสียงผ้าเบรคและสายพานรถ หากดังแปลกจากปกติที่เคยเป็น อาจกำลังเกิดการเสื่อมสภาพตามการใช้งานอยู่ก็เป็นได้
เครื่องสั่นจนดับ – ขับรถไปเรื่อยๆแล้วมีอาการสั่นหงึ่กหงั่กจนเครื่องดับ ลองเร่งเครื่องแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นสักที ลักษณะแบบนี้ควรนำรถยนต์เข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็คสภาพรถยน์และเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทาง
รถมีควันสีขาว – อาการไม่สู้ดีของเครื่องยนต์ เกิดการเผาไหม้ที่ผิดพลาด ทำให้น้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้ที่มักเกิดจากการเสื่อมสภาพ และชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์เกิดความเสียหาย แม้รถจะยังใช้งานได้อยู่เป็นปกติ แต่ไม่ควรปล่อยไว้นานจนเกินไป
ได้กลิ่นเหม็นไหม้ – สัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นกับเครื่องยนต์และระบบการทำงานของรถ หากได้กลิ่นควรหยุดขับรถทันที ฝืนขับต่อไปอาจเกิดความเสียหายร้ายแรงได้ โดยกลิ่นไหม้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ผ้าเบรกไหม้ สายพานไหม้ ท่อไอเสียแตก ระบบไฟฟ้าภายในรถขัดข้อง
ศูนย์ตรวจเช็คสภาพรถยนต์ช่วยเตรียมความพร้อมให้รถยนต์ได้อย่างไร ?
ประเทศไทยเรานั้นมีอุตสาหกรรมการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้บริการอยู่มากมายหลายบริษัท และส่วนใหญ่ได้รับรองมาตรฐานจากองค์กรความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
โดยในช่วงนี้การท่องเที่ยวเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ความประสงค์ในการตรวจสอบก็เพิ่มขึ้น ศูนย์บริการตรวจเช็ครถยนต์ยิ่งต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับรถยนต์ที่จะหลั่งไหลเข้ามาตรวจเช็คสภาพเป็นจำนวนมาก
ดีกว่าไหม ? หากมีตัวช่วยและเพื่อนคู่คิดในการทำงานที่ช่วยลดความผิดพลาดในเรื่องการตรวจสอบเครื่องยนต์ หรือแจ้งเตือนการซ่อมในระยะเวลาที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้รถยนต์ ด้วยแอปซ่อมบำรุง FACTORIUM CMMS ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ หรือ eMaintenance ที่สามารถทำงานผ่านมือถือ พร้อมฟังก์ชันครบครัน ทดลองใช้งานได้ที่ https://factorium.tech/ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย!
อย่าปล่อยให้การเดินทางสะดุด 7 จุดที่ควรตรวจสอบกับศูนย์บริการรถยนต์ก่อนขับรถทางไกล
จุดที่ 1 ตรวจเช็คแบตเตอรี่ – แบตเตอรี่มีหน้าที่ป้อนกระแสไฟให้ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับรถยนต์
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 40,000 กิโลเมตร โดยประมาณ ขึ้นอยู่ที่การใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งการตรวจสอบและดูแล แบตเตอรี่ควรนำรถยนต์เข้าไปเช็คสภาพแบตเตอรี่ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร
รถสตาร์ทติดยากสัญญาณของแบตเตอรี่เสื่อม อาการแบบนี้ต้องรีบนำรถไปตรวจสภาพที่ศูนย์บริการ รวดเร็วยิ่งขึ้นทุกการแจ้งเตือนด้วยแอปพลิเคชันระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ FACTORIUM CMMS ถึงเวลาต้องซ่อมตามอายุการใช้งานแจ้งเตือนแบบ Realtime แม้คุณจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม
จุดที่ 2 ล้อและยางรถยนต์ – เป็นอีกจุดที่สำคัญมากๆ เพราะอุบัติเหตุส่วนหนึ่งบนท้องถนน เกิดจากยางระเบิดขณะขับขี่ ปัจจัยจากการสึกหรอขึ้นอยู่กับ ภูมิอากาศ สภาพถนน สไตล์กับขับขี่ของผู้ใช้รถ โดยตัวชี้วัดที่ชัดเจนสุดคือาการสึกหรอและความลึกของดอกยางรถยนต์
การตรวจสอบและดูแลยางรถยนต์ บวม รั่วซึม เสื่อมสภาพ ควรตรวจเช็คยางเดือนละ 1 – 2 ครั้ง พร้อมทั้งตั้งศูนย์และถ่วงล้อทุก 10,000 กิโลเมตร
จุดที่ 3 เช็คช่วงล่าง – โช๊ค ไม่ดี ขับขี่ไม่นิ่มนวล ควรตรวจเช็คคราบน้ำมันบริเวณแกนโช๊คว่ามีน้ำมันหยดและรั่วหรือไม่ หากมีให้รีบนำเข้าศูนย์ตรวจสอบสภาพรถยนต์ เพราะโช๊คมีผลต่อการทรงตัวของรถขณะขับขี่
อายุการใช้งานของโช๊คจะอยู่ที่ 80,000 กิโลเมตรโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและควรนำโช๊คมาตรวจสอบทุกๆ 20,000 กิโลเมตร
ทุกๆการแจ้งเตือน 20,000 กิโลเมตร ผู้ให้บริการสามารถใช้โปรแกรมระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ CMMS หรือระบบ eMaintenanc ร่วมกับการทำงานได้ เพราะมีระบบจัดการสต็อคอะไหล่กรณีที่ต้องมีการเปลี่ยนซ่อม และแจ้งเตือนทุกๆการซ่อมผ่านมือถือให้กับผู้ใช้บริการอย่างทันท่วงที
จุดที่ 4 เช็คระบบเบรค – ปกติเบรคจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 48,000 – 56,000 กิโลเมตร แตกต่างกันไปตามลักษณะรถยนต์และการใช้งานของผู้ขับขี่
ทั้งนี้การขับขี่ในสภาพจราจรที่แน่นหนา อาจเหยียบเบรคบ่อยต้องหมั่นคอยตรวจเช็คความหนาของผ้าเบรค หากมีความหนาน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ควรนำรถเข้าตรวจสภาพผ้าเบรคทันที
จุดที่ 5 เช็คระบบไฟสัญญาณและไฟส่องสว่าง – มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และบอกทิศทางกับรถยนต์คันอื่นๆ
อายุการใช้งานของไฟสัญญาณและไฟส่องสว่างจะอยู่ที่ 2,000 – 2,500 ชั่วโมง โดยประมาณ ควรตรวจสอบอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
ทั้งนี้ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ FACTORIUM CMMS หรือ eMaintenance ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกการใช้งาน สามารถตั้งค่าการตรวจสอบได้ตามระยะเวลาตามกำหนดได้ตั้งแต่ 7 วัน 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน
จุดที่ 6 น้ำมันเครื่อง – หากพบว่าน้ำมันเครื่องเป็นสีดำ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทันที เพราะอาจส่งผลต่อการหล่อลื่นและระบายความร้อนของเครื่องยนต์ได้
โดยอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ 5,000 – 10,000 กิโลเมตรโดยประมาณ ตามมาตรฐานของน้ำมันเครื่องที่ใช้ ผู้ใช้รถยนต์ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ ทุก 1-2 สัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
จุดที่ 7 เช็คหม้อน้ำ ท่อยาง และระบบหล่อเย็น – ความร้อนสะสมในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน หากระบบระบายความร้อนมีปัญหา อาจทำให้เครื่องยนต์น็อคได้ การตรวจสอบดูแลสารหล่อลื่นและของเหลวต่างๆ ควรนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพ สารหล่อลื่นและของเหลวต่างๆ ทุก 6 – 12 เดือน จากช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
อะไรบ้าง ? ที่รถยนต์ของคุณควรเช็คทุก 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน
สิ่งที่ควรเช็คทุก 1 เดือน
1. ระดับน้ำมัน
2. ท่อ
3. ความดันลมยาง
4. น้ำหล่อเย็น
5. ยางรถยนต์
สิ่งที่ควรเช็คทุก 3 เดือน
1. น้ำมันหรือตัวกรอง
2. น้ำยาล้างกระจกหน้ารถ
3. น้ำมันเกียร์
4. หลอดไฟ
สิ่งที่ควรเช็คทุก 6 เดือน
1. ใบปัดน้ำฝน
2. แตร
3. เบรค
4. ยางอะไหล่
5. โช๊ค
การดูแลบำรุงรักษารถจึงเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากที่คุณไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด วันนี้คุณได้ดูแลรถของคุณเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองแล้วหรือยัง ?
ให้ทุกการแจ้งเตือนเป็นเรื่องง่าย เหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก ด้วยระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ FACTORIUM CMMS ระบบบริหารและจัดการงานซ่อมบำรุงผ่านโทรศัพท์มือถือ ช่วยแจ้งซ่อมทุกการ Breakdown ของเครื่องยนต์ให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขได้ตรงตามระยะเวลาที่ต้องการ “ระบบเดียวเอาอยู่ทุกงานซ่อม”
โปรแกรม CMMS (computerized maintenance management system) หรือ E-Maintenance คือ งานระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุงแบบออนไลน์ที่นำระบบซอฟต์แวร์มาพัฒนาเพื่อให้สามารถเข้าถึงเครื่องจักร/เครื่องมือ อุปกรณ์การใช้งานต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการ ควบคุม วัดผล และจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบโดย E-Maintenance เหมาะสำหรับทุกภาคอุตสาหกรรม
โปรแกรมซ่อมบำรุง Factorium CMMS นี้ได้พัฒนาระบบ E-Maintenance และ CMMS ซึ่งเราได้ออกแบบเพื่อเป็นแอปพลิเคชันการแจ้งซ่อม ในงานซ่อมบำรุงเครื่องจักร งานซ่อมแซมอาคาร สำนักงานที่ Factorium ร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้มากขึ้นถึง 20% พร้อมกับฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกให้กับงานของคุณ โดยมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนแบบ realtime
Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw