ความชื้น ในอากาศช่วงนี้ค่อนข้างมีมากเนื่องจากประเทศไทยบางพื้นที่เริ่มมีฝนตกหนัก ถึงหนักมาก ซึ่งความชื้นในอากาศนี้เอง ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาครวมของธุรกิจและกระบวนการผลิตได้ทั้งหมด และยังส่งผลต่อการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ได้ทั้งตรงและทางอ้อมอีกด้วย
ความชื้นในอากาศที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไปอาจส่งผลเสียต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่น
- ความชื้นสูง: อาจทำให้เกิดการกัดกร่อน การเกิดสนิม และการเสื่อมสภาพของฉนวน
- ความชื้นต่ำ: อาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตย์ การจับตัวเป็นก้อนของผงและฝุ่น และการเสื่อมสภาพของสารหล่อลื่น
ดังนั้น การควบคุมความชื้นในอากาศให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องจักรและรักษาประสิทธิภาพการผลิตให้คงที่
รู้หรือไม่ว่า? ความชื้น ในอากาศ คืออะไร?
ความชื้นในอากาศคือสถานะที่มีไอน้ำอยู่ในอากาศ โดยปริมาณไอน้ำจะแปรผันตามอุณหภูมิของสภาพแวดล้อม เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ความชื้นในอากาศก็จะเพิ่มขึ้น ความชื้นในอากาศเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเครื่องจักรอุตสาหกรรม เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของอุปกรณ์
ความชื้นในอากาศส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในโรงงานในหลายประการ ดังนี้:
- ความชื้นในอากาศสามารถทำให้เกิดการกัดกร่อนบนพื้นผิวโลหะของอุปกรณ์ ซึ่งนำไปสู่การเกิดสนิมและลดอายุการใช้งาน
- ความชื้นในอากาศสามารถเพิ่มการนำไฟฟ้า ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟฟ้าลัดวงจรในระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ได้
- ความชื้นในอากาศสามารถทำให้ฉนวนของสายไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้าอื่นๆ เสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟฟ้าลัดวงจรและความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้
- ความชื้นในอากาศสามารถทำให้ผงและฝุ่นจับตัวเป็นก้อน ซึ่งอาจอุดตันระบบกรองอากาศและทำให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ลดลง
- ความชื้นในอากาศสามารถทำให้สารหล่อลื่นเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การสึกหรอที่เพิ่มขึ้นและความเสียหายต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ได้
การเกิด ความชื้น ภายในโรงงานอุตสาหกรรม มีสาเหตุจากอะไร?
จากการระบายอากาศที่ไม่ดี เพราะการระบายอากาศที่ไม่เพียงพอสามารถทำให้ความชื้นสะสมภายในโรงงานได้ รวมถึงบางกระบวนการผลิต เช่น การชุบโลหะและการพ่นสี อาจปล่อยไอน้ำจำนวนมาก ที่สามารถเพิ่มความชื้นในอากาศเป็นปริมาณมากได้ ที่สำคัญช่วงนี้ประเทศไทยมีฝนตกหนักอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ความชื้นในอากาศภายนอกสามารถแทรกซึมเข้ามาในโรงงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีฝนตกหรือมีความชื้นสูง
อย่างไรก็ตามแม้แต่การบำรุงรักษาที่ไม่เพียงพอก็ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เครื่องจักรสึกหรอ เพราะการบำรุงรักษาเครื่องจักรและระบบระบายอากาศเป็นประจำสามารถช่วยป้องกันการสะสมของความชื้นได้
ความชื้น ภายในโรงงานอุตสาหกรรมที่มากเกินไปจะส่งผลเสียอย่างมากต่อเครื่องจักร ดังนี้
ความชื้นในอากาศสามารถทำปฏิกิริยากับโลหะในเครื่องจักร ทำให้เกิดสนิมและการกัดกร่อนได้ สนิมเป็นผลมาจากปฏิกิริยาออกซิเดชันระหว่างเหล็กกับออกซิเจนในอากาศ เมื่อความชื้นในอากาศสูงขึ้น อัตราการเกิดสนิมก็จะเพิ่มขึ้นด้วย สนิมและการกัดกร่อนสามารถนำไปสู่การเสื่อมสภาพของเครื่องจักรและลดอายุการใช้งานได้
อีกทั้งยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบไฟฟ้าของเครื่องจักรได้ เนื่องจากน้ำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ความชื้นในอากาศสามารถทำให้ฉนวนของสายไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้าอื่นๆ เสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การลัดวงจรและความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้ การลัดวงจรอาจทำให้เกิดประกายไฟและความร้อนสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้หรือการระเบิดได้ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมความชื้นในอากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์
ความชื้นสามารถทำให้เกิดการยึดติดและการจับตัวเป็นก้อนของวัสดุต่างๆ ได้ เช่น ผงและเม็ดพลาสติก เมื่อความชื้นในอากาศสูงขึ้น อนุภาคของวัสดุเหล่านี้จะดูดซับความชื้นและกลายเป็นเหนียว ทำให้เกิดการยึดติดและจับตัวเป็นก้อนได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องจักรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมยา การจับตัวเป็นก้อนของผงยาอาจส่งผลต่อการไหลและการผสมของยา ทำให้เกิดความไม่แม่นยำในการผลิต
วัสดุบางชนิด เช่น ไม้และกระดาษ มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น เมื่อสัมผัสกับความชื้นสูง วัสดุเหล่านี้อาจดูดซับความชื้นและขยายตัว (บวม) หรือสูญเสียความชื้นและหดตัวได้ การเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างนี้สามารถส่งผลต่อการทำงานของเครื่องจักรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้ ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ความชื้นสูงอาจทำให้กระดาษบวมและยืดตัว ทำให้เกิดปัญหาในการจัดตำแหน่งและการพิมพ์ได้
นอกจากนี้ ความชื้น ยังส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพนักงานในโรงงานอีกด้วย
ความชื้นสูงสามารถทำให้พื้นผิวเปียกและลื่น ทำให้พนักงานเสี่ยงต่อการลื่นล้มและหกล้ม ซึ่งอาจนำไปสู่การบาดเจ็บ รวมถึงยังช่วยเร่งอัตราการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจและการติดเชื้อได้
นอกจากนี้ผลกระทบจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงเป็นเวลานานอาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อยล้า และเครียดได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อสมาธิและประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งอาจรวมถึงทัศนวิสัยที่ลดลงจนสามารเพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
อย่างไรก็ดี ความชื้นยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบไฟฟ้าและทำให้เกิดการลัดวงจรหรือไฟฟ้าช็อตได้ เนื่องจากน้ำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ความชื้นในอากาศสามารถทำให้ฉนวนของสายไฟและชิ้นส่วนไฟฟ้าอื่นๆ เสื่อมสภาพ ซึ่งอาจนำไปสู่การลัดวงจรและไฟฟ้าช็อตได้ การลัดวงจรอาจทำให้เกิดประกายไฟและความร้อนสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้หรือการระเบิดได้ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมความชื้นในอากาศภายในโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน
การบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างไรได้บ้าง?
- กำหนดตารางการบำรุงรักษาตามคำแนะนำของผู้ผลิตและความต้องการเฉพาะของเครื่องจักร
- ตรวจสอบเครื่องจักรเป็นประจำเพื่อหาสัญญาณของการสึกหรอ ความเสียหาย หรือการทำงานผิดปกติ
- หล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวเป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อลดแรงเสียดทานและการสึกหรอ
- ทำความสะอาดเครื่องจักรเป็นประจำเพื่อขจัดสิ่งสกปรก เศษซาก และความชื้น
- ตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นประจำเพื่อหาสัญญาณของความเสียหายหรือการทำงานผิดปกติ
- บันทึกการบำรุงรักษาที่ดำเนินการทั้งหมดเพื่อติดตามประวัติของเครื่องจักรและระบุแนวโน้มของเครื่องจักรที่เจอ
อย่างนั้นแล้วหาก ความชื้น ทำให้เครื่องจักรขึ้นสนิม จะเกิดผลกระทบอย่างไรต่อโรงงานอุตสาหกรรม
- สร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนเครื่องจักร เมื่อความชื้นในอากาศสูงขึ้น อัตราการเกิดสนิมก็จะเพิ่มขึ้น สนิมสามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนเครื่องจักร ทำให้เกิดความเสียหายและลดอายุการใช้งาน
- สนิมสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว เช่น ตลับลูกปืนและเฟือง สนิมสามารถเพิ่มแรงเสียดทานและทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้เคลื่อนไหวได้ยากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การสึกหรอที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง
- ความเสียหายต่อเครื่องจักรที่เกิดจากสนิมอาจนำไปสู่การหยุดทำงานและการสูญเสียผลผลิตได้ หากชิ้นส่วนเครื่องจักรที่สำคัญเกิดสนิม อาจจำเป็นต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้น สนิมสามารถเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาได้อย่างมาก เครื่องจักรที่เกิดสนิมอาจต้องได้รับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมบ่อยขึ้น ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมความชื้นในสภาพแวดล้อมของเครื่องจักรเพื่อป้องกันการเกิดสนิมและปกป้องเครื่องจักรจากความเสียหาย
ซึ่งการบำรุงรักษาเครื่องจักรในปัจจุบันนั้นมีระบบที่อำนวยความสะดวกให้กับทีมช่างอยู่มากมาย ตัวอย่างเช่น ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์จาก FACTORIUM CMMS เป็นบริษัท Start Up ของคนไทยที่มีผู้ใช้งานอันดับหนึ่งทั่วประเทศ
ประโยชน์ของระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ FACTORIUM CMMS เมื่อเทียบกับระบบ Manual แบบเดิม
- ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น: การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ช่างซ่อมบำรุงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
- การสื่อสารที่ดียิ่งขึ้น: แพลตฟอร์มกลางสำหรับการสื่อสารระหว่างช่างซ่อมบำรุง ผู้จัดการ และทีมงานอื่นๆ รวมถึงการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้ทุกคนได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับคำสั่งงาน การอัปเดต และการเปลี่ยนแปลง
- การลดต้นทุน: การลดเวลาหยุดทำงานและการซ่อมแซมที่ไม่จำเป็นช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษา
แล้ว FACTORIUM CMMS ระบบซ่อมบำรุงออนไลน์คืออะไร ช่วยให้งาน PM ทำงานได้ดีขึ้นจริงหรือ?
ระบบ FACTORIUM CMMS เป็นระบบจัดการและวางแผนการซ่อมบำรุงอุปกรณ์และเครื่องจักรแบบออนไลน์ ที่ช่วยให้การดูแลรักษาเครื่องจักรเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีประโยชน์หลักๆ ดังนี้:
- ช่วยให้สามารถวางแผนการซ่อมบำรุงได้อย่างมีระบบ ทำให้สามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าได้
- ช่วยให้ติดตามสถานะและประวัติการซ่อมบำรุงของเครื่องจักรได้ง่าย
- ช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน เนื่องจากสามารถวางแผนการซ่อมบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน
แค่เปิดใจ ก็เปลี่ยนทุกอย่างได้ เพราะ FACTORIUM CMMS คือระบบซ่อมบำรุงออนไลน์ที่ช่วยให้สามารถวางแผนการซ่อมบำรุงมอเตอร์เครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษา ลดต้นทุน เพิ่มความน่าเชื่อถือและความพร้อมใช้งานของเครื่องจักร
Website: https://factorium.tech/
Facebook: https://www.facebook.com/factorium.tech
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCAHWs01GOZJ2_8gehIsdGpw